คอลลาเจน ทา ดื่ม ฉีด แบบไหนได้ผลจริง
หากใครกำลังมีความคิดอยากซื้อคอลลาเจนมาใช้ แล้วหวังผลในเรื่องของผิวกระจ่างใส ต้องการเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงให้กับอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ต้องการให้ผมและเล็บแข็งแรง บำรุงเหงือกและฟัน หรือ หวังผลลัพธ์ทั้งหมดแบบองค์รวม ก็ได้เช่นกัน การรู้ชื่อแบรนด์, ไทป์ของคอลลาเจน, คอลลาเจนเม็ด VS ผง แบบไหนดี? ยังไม่เพียงพอต่อการเลือกนำมาใช้ เพราะคอลลาเจนมีมากถึง 3 ประเภท แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า คอลลาเจนประเภททา ดื่ม หรือ ฉีด หลังใช้แล้วจะพอใจกับผลมากกว่ากัน
ความแตกต่างระหว่าง ทา ดื่ม ฉีด
หลายคนคิดว่าคอลลาเจนไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็คงให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน ถึงแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องผิวพรรณ กระดูก ผม หรือ เล็บ แต่แท้จริงก็มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของรูปแบบการนำไปใช้ ส่วนผสมอื่น ๆ ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของคอลลาเจน การเลือก Type ของคอลลาเจนที่เหมาะสำหรับคุณ จึงสำคัญด้วยเช่นกัน แต่นอกจากคอลลาเจนในรูปแบบรับประทานที่เราคุ้นเคย ก็ยังมีคอลลาเจนทั้งแบบทาและแบบฉีด และนี่คือความแตกต่างของคอลลาเจน ทั้ง 3 ประเภท
1. คอลลาเจนแบบรับประทาน
คอลลาเจนแบบรับประทาน จะประกอบไปด้วย 1) แบบผง 2) แบบเม็ด 3) แบบน้ำ สำหรับแบบผงชงดื่ม / แบบน้ำ เป็นประเภทคอลลาเจนที่หาซื้อได้ง่ายที่สุด ดูดซึมได้เร็ว มักมีตัวยาหรือสารสกัดอื่น ๆ ผสมอยู่ด้วย เช่น วิตามินซี สามารถฉีกซองแล้วนำไปผสมน้ำผลไม้หรือน้ำเปล่า ช่วยเพิ่มรสชาติที่ดียิ่งขึ้น คนละให้ละลายแล้วดื่มได้ทันที สำหรับแบบเม็ด มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณมิลลิกรัม ให้รับประทานเหมือนอาหารเสริม คุณสามารถศึกษาประเภทของคอลลาเจนเพิ่มเติมได้ที่ ทำความรู้จักกับ คอลลาเจนไทพ์ทู
2. คอลลาเจนแบบทา
คอลลาเจนในรูปแบบการทา มีวัตถุประสงค์เพื่อเคลือบผิวหนัง เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวหนัง ซึ่งนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในการดูแลแผลชนิดต่าง ๆ สำหรับข้อเท็จจริงของคอลลาเจนที่อยู่ในรูปเนื้อครีม โลชั่น หรือเซรั่มเพื่อใช้ทาลงบนผิวนั้น สามารถทำให้ผิวหนังดูชุ่มชื้นขึ้น แต่ทำได้เพียงแค่ผิวหนังชั้นกำพร้าเท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปเติมเต็มหรือลดเลือนริ้วรอยได้ ด้วยขนาดโมเลกุลที่ใหญ่ จึงไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังข้างในได้
3. คอลลาเจนแบบฉีด
คอลลาเจนชนิดฉีดมักผลิตมาจากวัว ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ในอนาคต จึงได้ถูกยกเลิกคอลลาเจนประเภทนี้ไป ในปัจจุบันใช้เป็นสารคอลลาเจนสังเคราะห์ (Hyaluronic acid) หรือ สารเติมเต็ม (Filler) ในการฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกหรือตรงส่วนที่มีความตอบของผิวหนังแทน
5 ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการใช้คอลลาเจน
1. เพิ่มประสิทธิภาพด้วยวิตามินซี
การรับประทานวิตามินซี หรืออาหารที่ให้วิตามินซีสูง ควบคู่กับการรับประทานคอลลาเจน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้คอลลาเจนทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะวิตามินซีมีส่วนช่วยในกระบวนการดูดซึมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกาย นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหลายแบรนด์ในท้องตลาดได้เพิ่มวิตามินซีเข้าไปในคอลลาเจนด้วย
2. ดื่มน้ำให้มากขึ้น
สารสกัดในคอลลาเจน เป็นสารที่ต้องการสารละลายเพื่อช่วยในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย หากคุณดื่มน้ำน้อยเกินไปไม่เพียงพอร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เต็มที่ การดื่มน้ำที่มากขึ้น นอกจากจะทำให้ร่างกายได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพอ ยังช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้ดียิ่งขึ้น ทำให้คอลลาเจนสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพด้วย
3. รับประทานขณะท้องว่าง
งานวิจัยระบุไว้ว่า การรับประทานคอลลาเจนทุกรูปแบบ (แบบผง, แบบเม็ด, แบบน้ำ) หากรับประทานขณะที่ท้องยังว่างจะทำให้เกิดผลดีที่สุด ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวที่เหมาะสมคือช่วงเช้าหลังจากตื่นนอน หรือช่วงก่อนนอน ร่างกายก็จะนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
4. เลือกคอลลาเจนดูดซึมง่าย
ประเภทของคอลลาเจน มี 3 รูปแบบ ทั้ง ไตรเปปไทด์, เปปไทด์, ไดเปปไทด์ หากกังวลเรื่องขนาดของโมเลกุล อยากได้คอลลาเจนที่มีขนาดเล็ก ดูดซึมง่าย ควรเลือกไม่เกิน 500 dalton เช่น คอลลาเจนไดเปปไทด์ ที่มีขนาดโมเลกุลเล็กมากเพียง 200 dalton
5. ใช้วิตามินอื่นๆ เป็นตัวเสริม
เมื่อเพิ่มคอลลาเจนในชั้นผิวแล้ว ควรเพิ่มการป้องกันไม่ให้เสื่อมสลายด้วยวงจร Antioxidant แบบครบสูตร เลือกผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำงานร่วมกัน เพื่อปกป้องผิว ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี กลูต้าไธโอน โคเอนไซม์คิวเทน และแอลฟาไลโปอิค แอซิด
ที่มา
- รู้ลึก รู้ชัด กับ “คอลลาเจน” www.rama.mahidol.ac.th//atrama/issue005/varieties-corner
- ข้อมูลคอลลาเจน Kinpla.net