ปัญหาคอลลาเจนลดลง เมื่ออายุ 40+ แก้อย่างไร

ปัญหาคอลลาเจนลดลง เมื่ออายุ 40+ แก้อย่างไร

ปัญหาคอลลาเจนลดลง – คอลลาเจน หนึ่งในโปรตีนที่พบมากที่สุดในร่างกาย เป็นสารในกลุ่ม polypeptide ซึ่งเกิดจากการผสมของกรดอะมิโน ซึ่งพบในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน กระดูกอ่อน และเป็นส่วนประกอบของผิวหนัง เส้นผม และเล็บ นี่จึงเป็นเหตุผลให้ผู้คนที่ดูแลสุขภาพ ตลอดจนผู้ชื่นชอบการดูแลด้านความสวยความงามให้ความสนใจเรื่องการดูแลคอลลาเจนของร่างกายเพราะร่างกายมีความต้องการใช้คอลลาเจนเป็นอย่างมากนั่นเอง แม้ว่าร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนได้ด้วยตัวเอง แต่เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะสร้างคอลลาเจนได้น้อยลง

ดังนั้น เพื่อสุขภาพและความงามแล้วผู้คนจึงสรรหาวิธีแก้ปัญหาคอลลาเจนลดลง โดยการเสริมคอลลาเจนให้กับร่างกาย นอกจากวิธีการฉีดเสริมเข้าร่างกายไปโดยตรงแล้ว ยังมีการเสริมคอลลาเจนผ่านทางเครื่องสำอาง ครีม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรืออาหารเสริมที่มีสารสกัดจากคอลลาเจนหลากหลายรูปแบบทั้งผงชงดื่ม เม็ด แคปซูล หรือผสมในอาหารและเครื่องดื่ม เป็นขนมเยลลี่ ลูกอม น้ำผลไม้ ผสมคอลลาเจน รวมถึงยังมี ความแตกต่างของคอลลาเจน Tripeptide, Dipeptide, Peptide ที่สามารถพบเห็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีสารสกัดจากคอลลาเจนได้ตามท้องตลาดทั่วไปในปัจจุบันอีกด้วย

ปัญหาคอลลาเจนลดลง เมื่ออายุ 40+ แก้อย่างไร

ทำไมอายุ 40 อัพ ต้องกินคอลลาเจน

แม้ร่างกายของคนเราสามารถสร้างสารประกอบในผิวหนัง เช่น คอลลาเจน อีลาสติน ไฮยาลูโรนิค-แอซิด ขึ้นมาได้เองได้ตั้งแต่วัยเด็ก แต่ร่างกายแต่ละคนจะสร้างคอลลาเจนออกมาได้ไม่เท่ากัน ส่วนหนึ่งมาจากพันธุกรรมหรือยีน อีกทั้งร่างกายจะมีการผลิตคอลลาเจนน้อยลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ในช่วงอายุ 20 ปีต้นๆ ผิวหนังของคนเราจะประกอบด้วยคอลลาเจนประมาณ 75% ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะลดการสร้างคอลลาเจนลง 1.5% เมื่ออายุ 40 ปี กระบวนการสร้างคอลลาเจนจะช้าลง 30% การเชื่อมต่อของเนื้อเยื่อในส่วนต่างๆ ของร่างกายอ่อนแอลง ผิวหนังเหี่ยวย่น มีริ้วรอย ขาดความยืดหยุ่น และบริเวณข้อต่อเริ่มไม่แข็งแรง ผู้ที่ต้องการดูแลผิวพรรณ ตลอดจนกระดูกและข้อ จึงควรคำนึงถึงการเสริมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งกระบวนการเสื่อยถอยของคอลลาเจนในร่างกายเป็นไปตามช่วงวัยต่างๆ ดังนี้

  1.  อายุ 25-30 ปี ผิวจะเริ่มเป็นริ้วรอยบางๆ ทอดยาวบริเวณหน้าผาก หรือมีริ้วรอยบางๆ ที่ร่องแก้มบริเวณข้างจมูก จนถึงเหนือริมฝีปาก ผิวที่เริ่มบางลงจะทำให้ความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีลดลง คอลลาเจนและความยืดหยุ่นของผิวก็จะเริ่มลดลงเช่นกัน
  2.  อายุ 30-39 ปี ในวัยนี้เกราะป้องกันผิวจะยิ่งบอบบาง และอ่อนแอลง กระบวนการทำงานของเซลล์ผิวช้าลง ผิวจะมีลักษณะแห้งง่าย ขาดความชุ่มชื้น
  3.  อายุ 40-49 ปี เกิดรอยย่นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้วใต้ขอบตาล่าง และหางตาเห็นชัดเจนมากขึ้น รอยย่นข้างแก้ม และร่องแก้มลึกทอดยาวไปจนจรดมุมปาก จุดเชื่อมต่อระหว่างชั้นหนังกำพร้า และชั้นหนังแท้เริ่มบางสูญเสียความหนาแน่น เริ่มมีจุดเล็กๆ สีน้ำตาลเกิดขึ้น เรียกว่าเป็นวัยเริ่มตกกระ
  4.  อายุ 50-64 ปี การพัฒนาของเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงผิวในชั้นหนังแท้ลดลง จะมีรอยย่นตามร่องแก้มทอดยาวไปจนถึงบริเวณใต้มุมปากลึกมากขึ้น
  5.  อายุ 65 ปี ขึ้นไป ผิวหนังหยาบกร้าน มีริ้วรอยทั่วใบหน้า และผิวหนังทั่วร่างกาย ริมฝีปากเริ่มบางและมีรอยย่นบริเวณเหนือริมฝีปาก

คุณสามารถอ่านวิธีการเลือกคอลลาเจนที่เหมาะกับช่วงวัยได้ที่ การเลือก Type ของคอลลาเจนที่เหมาะสำหรับคุณ

วิธีดูแลคอลลาเจนในร่างกายให้สมดุล

  1.  การออกกำลังกาย ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ ทำให้คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดูแลร่างกายให้แข็งแรง จะดูเด็กและอ่อนเยาว์
  2.  พักผ่อนให้เพียงพอ ตื่นมาแล้วจะได้ไม่หงุดหงิด ไม่เครียด เพราะผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ผู้ที่มีความเครียด ก็เป็นปัจจัยทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพหรือถูกทำลายได้ง่าย
  3.  หลีกเลี่ยงมลพิษทางสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น ควัน สารเคมี ยาฆ่าแมลง และความเครียด ไม่สูบบุหรี่และเลี่ยงการสูดดมควันจากผู้อื่น ควันบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ส่งผลให้คอลลาเจนถูกทำลาย
  4.  ป้องกันผิวจากแสงแดด และควรเลือกใช้ครีมกันแดดหรือเครื่องสำอางที่มี SPF, รังสียูวีในแสงแดดทำให้ปริมาณคอลลาเจนในผิวหนังลดลง โดยเพิ่มเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจน
  5.  การเลือกรับประทานอาหาร ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนโดยเพิ่มการได้รับวิตามินซี และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ส่งผลให้ระดับอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารปิ้งย่าง และอาหารสำเร็จรูป รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วย Co – Enzyme Q 10 เช่น ปลาแมคเคอรอล และวิตามินอี เช่น อัลมอนด์ ซึ่งมีคุณสมบัติยับยั้งความเสียหายและการสูญเสียคอลลาเจนที่เกิดจากอนุมูลอิสระและการเลือกกินอาหารที่มีคอลลาเจน ได้แก่
    •  ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทู
    •  เอ็นและข้อจากสัตว์ เช่น ซุปไก่ทั้งตัว ไก่งวง เอ็นหมู เอ็นวัว และกระดูกอ่อน
    •  ผักผลไม้สีแดงส้ม เช่น มะเขือเทศ แครอท ผลไม้ตระกูลส้ม สตรอว์เบอร์รี ราสเบอร์รี
    •  ผักผลไม้สีเขียว เช่น อะโวคาโด ผักโขม ผักปวยเล้ง คะน้า บรอกโคลี ซึ่งมีสารคลอโรฟิลชนิดที่ 2 ช่วยเพิ่มปริมาณของโปรคอลลาเจนในผิวหนัง รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีผลยับยั้งความชราของผิวพรรณ
    •  อื่นๆ เช่น สาหร่ายทะเล ไข่ไก่ เห็ด เมล็ดฟักทอง เป็นต้น
  1.  ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรืออาหารเสริมคอลลาเจน การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ กินอาหารไม่ค่อยดี อาจทำให้ในแต่ละวันได้รับคอลลาเจนน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ การใช้ “ตัวช่วย” อย่างอาหารเสริมคอลลาเจน มารับประทานก็เป็นทางเลือกง่ายๆ ที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด โดยส่วนใหญ่อาหารเสริมตามท้องตลาดมักจะทำมาจากหนังปลา เกล็ดปลา หนังวัว หนังหมู กระดูกวัว เป็นต้น ซึ่งผู้ชายก็สามารถทานอาหารเสริมตัวนี้ได้เช่นกัน โดยคุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมไดที่บทความ ผู้ชายจำเป็นต้องกินคอลลาเจนไหม?

ปัญหาคอลลาเจนลดลง เมื่ออายุ 40+ แก้อย่างไร

สรุป

เมื่ออายุมากขึ้น การสร้างคอลลาเจนก็จะค่อยๆ ลดลง ส่งผลโดยตรงต่อผิวหนังทำให้เหี่ยวย่น มีริ้วรอย ขาดความยืดหยุ่น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าคอลลาเจนเป็นสารอาหารจำเป็นสำหรับผิว ซึ่งนอกจากหน้าที่สำคัญของผิวหนังในการห่อหุ้มร่างกายแล้ว การมีผิวพรรณที่สดใสไม่เหี่ยวย่น ไม่แก่ก่อนวัยอันควร ก็เป็นการช่วยสร้างเสริมบุคลิกและความมั่นใจ ดังนั้น เมื่ออายุเข้าสู่วัย 40 และพบว่า คอลลาเจนลดลงเป็นปัญหาสำหรับคุณ ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการดูแลคอลลาเจนในร่างกายให้สมดุล ทั้งการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการสูญเสียคอลลาเจนที่เกิดจากอนุมูลอิสระต่างๆ ตลอดจนเสริมคอลลาเจนด้วยการรับประทานอาหาที่มีคอลลาเจนตามธรรมชาติ หรือการบริโภคสารสกัดคอลลาเจนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้รักสุขภาพและความงาม ที่ต้องการเสริมคอลลาเจนให้กับร่างกาย

ข้อมูล

  1. https://www.everydayhealth.com/skin-beauty/collagen-health-benefits-food-sources-supplements-types-more
  2. https://hd.co.th/what-is-collagen
  3. https://www.komchadluek.net/news/lifestyle/341731
  4. https://www.haijai.com/3259
  5. https://www.thairath.co.th/women/beauty/health/1590148