เรื่องต้องรู้! พฤติกรรมอะไรที่ส่งผลให้กินคอลลาเจนแล้วไม่เห็นผล

กินคอลลาเจนแล้วไม่เห็นผล เป็นเพราะอะไร?

คุณเป็นอีกคนหนึ่งหรือไม่ที่รู้สึกว่าได้ลงทุนเสริมคอลลาเจนให้กับร่างกายผ่านการกินแล้วกลับไม่เห็นผลเท่าที่ควร นั่นอาจเป็นเพราะปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนภายในร่างกาย สารปนเปื้อนในอาหารที่รับประทาน มลพิษต่างๆ การสูบบุหรี่ รวมไปถึงอนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดด จะเห็นได้ว่ามีหลายๆ ปัจจัยด้วยกันเป็นเรื่องใกล้ตัวทั้งนั้น รวมไปถึงเหตุที่ว่าการกินคอลลาเจนแล้วไม่เห็นผลนั้นอาจเกิดจากพฤติกรรมของตัวคุณเองด้วย พฤติกรรมเหล่านี้เป็นพฤติกรรมอันตรายต่อคอลลาเจนที่คุณกินเสริมเข้าไปเป็นเหตุให้คอลลาเจนเสื่อมสลายได้ ซึ่งได้แก่

พฤติกรรมอะไรที่ส่งผลให้กินคอลลาเจนแล้วไม่เห็นผล

  1.  การแสดงสีหน้าท่าทาง รวมถึงความเครียด

การแสดงสีหน้าทางหน้าตาต่างๆ เช่น การยิ้ม หรี่ตารวมถึง การทำหน้าบึ้ง ขมวดคิ้ว จากความเครียด ล้วนส่งผลเสียต่อคอลลาเจน เพราะทำให้ทำให้เกิดริ้วรอยต่างๆ เป็นร่องลึก เช่น รอยตีนกาบนใบหน้า ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลต่อคอลลาเจนใต้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

  1.  การเผชิญกับมลพิษบ่อยครั้ง

ปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดการสลายตัวของคอลลาเจนนั้นเกิดจากมลพิษต่างๆ โดยเฉพาะแสงแดด โดยอนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดดเป็นต้นเหตุสำคัญของผิวเสีย ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยและแห้งกร้าน

  1.  การกินคอลลาเจนแล้วหวังผลให้ผิวขาว

การกินคอลลาเจนล้วนๆ ไม่ได้ช่วยให้ขาว เนื่องจากคอลลาเจนจะช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่นของผิว ทำให้สุขภาพผิวดีขึ้นแต่ไม่ได้ช่วยให้ผิวพรรณขาวขึ้นโดยตรง หากเข้าใจว่าการกินคอลลาเจนแล้วช่วยให้ผิวขาวโดยตรงนั้นคุณคิดผิด!

  1.  การเลือกกินคอลลาเจนที่ไม่ได้คุณภาพ

หลายคนมองข้ามความสำคัญในการเลือกแหล่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพปลอดภัยและน่าเชื่อถือ โดยอาจไปเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนในยุคแรกๆ ที่มักมีปัญหาเรื่องคุณภาพ เช่น เรื่องของโมเลกุลที่ยังดูดซึมได้ยาก เมื่อดูดซึมได้ยากก็ย่อมไม่เห็นผลอย่างที่อยากจะให้เป็น แต่ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจะมีกระบวนการสกัดที่ทันสมัย สามารถสกัดคอลลาเจนที่มีกลิ่นลดลงจนรับประทานง่าย รวมถึงมีขนาดโมเลกุลที่เล็กลง เพื่อให้ง่ายต่อการดูดซึม

พฤติกรรมอะไรที่ส่งผลให้กินคอลลาเจนแล้วไม่เห็นผล

  1.  การกินคอลลาเจนที่ไม่ต่อเนื่องเพียงพอ

โดยทั่วไประยะเวลาที่เริ่มเห็นผลต่อผิวที่ชัดเจนสำหรับคอลลาเจนนั้นจะอยู่ที่ 30-60 วัน ดังนั้นถ้ากินคอลลาเจนอย่างสม่ำเสมอจริงๆ ย่อมเห็นผลลัพธ์ แต่หลายคนอาจกินไม่ต่อเนื่อง เช่น การกินๆ หยุดๆ ร่างกายจึงรับคอลลาเจนไม่เพียงพอ

  1.  การกินคอลลาเจนในปริมาณน้อยเกินไป

เกณฑ์กำหนดของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย แนะนำให้รับประทาน คือ 5,000-7,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยอนุญาตให้บริโภคได้ไม่เกิน 10,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดย ร่างกายคนเราสามารถดูดซึมคอลลาเจนที่กินเข้าไปได้เพียง 30% เท่านั้น หมายความว่าหากคุณกินคอลลาเจน 10,000 มิลลิกรัม ร่างกายจะได้รับประมาณ 3,000 มิลลิกรัม ดังนั้นคุณควรกินคอลลาเจนประมาณ 10,000 มิลลิกรัมต่อวันเพื่อให้ได้รับปริมาณที่สูงสุดที่ร่างกายเหมาะสมจะรับเข้าไปได้

  1. การกินอิ่ม ท้องไม่ว่างแล้วกินคอลลาเจนเข้าไป

การกินอิ่ม ท้องไม่ว่างแล้วกินคอลลาเจนเข้าไปจะทำให้การดูดซึมคอลาเจนเข้าร่างกายเข้าไปย่อมเกิดผลได้น้อยเพราะว่าร่างกายของคุณกำลังย่อยและดูดซึมสารอาหารชนิดอื่นๆ อยู่ด้วย ดังนั้น ควรกินคอลลาเจนตอนที่ท้องว่าง เพื่อให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้เต็มที่

  1.  การทำดีท็อกซ์พร้อมกินคอลลาเจนเข้าไป

การดีท็อกซ์จะล้างตัวคอลลาเจนออกมาไวเกินไปทำให้กินคอลลาเจนไม่ได้ผล เพราะคอลลาเจนไม่ทันดูดซึมเข้าสู่ร่างกายกายแต่ถูกขับออกมาเร็วเกินไปเพราะการดีท็อกซ์ ดังนั้น หากวันใดๆ คุณวางแผนทำการดีท็อกซ์ด้วย ให้ดีท็อกซ์ก่อนการกินคอลลาเจนประมาณ 2-3 ชม. หากคุณสงสัยว่ากินคู่กับวิตามินซีได้ไหม คุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คอลลาเจน วิตามินซี กินคู่กันได้ผลจริงหรือ?

พฤติกรรมอะไรที่ส่งผลให้กินคอลลาเจนแล้วไม่เห็นผล

ปรับพฤติกรรม เริ่มที่ตัวคุณ! เพื่อการกินคอลลาเจนให้เกิดผลคุ้มค่า

เพราะอะไรบ้างที่ทำให้การกินคอลลาเจนเสริมเข้าร่างกายจึงไม่เห็นผลที่หวังดังใจนั้น ก็ได้ไขความสงสัยกันไปแล้ว หากคุณมีพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นแล้วละก็เพียงคุณปรับพฤติกรรมของตัวเองเสียใหม่ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่างๆ รับรองว่าคอลลาเจนที่กินเสริมเข้าไปให้ร่างกายในทีสุดจะแสดงผลลัพธ์ที่ต้องการได้แน่นอน แล้วผู้ชายต้องกินคอลลาเจนไหม? อ่านต่อได้ที่ ผู้ชายจำเป็นต้องกินคอลลาเจนไหม?

 

Reference

http://lib3.dss.go.th/fulltext/dss_knowledge/pt_5_2559_collagen.pdf